from ฿196,769
Book Now

Morocco – Spain การผจญภัยจักรยานยนต์ 12 วัน

Not Rated

Duration

12 วัน, 11 คืน

Tour Type

Specific Tour

Group Size

Unlimited

Languages

English, Thai

Overview

การค้นพบเส้นทางน่าตื่นเต้น สเปน-โมร็อกโก ในการผจญภัยขับรถบิ๊กไบค์ 12 วัน

เริ่มต้นการท่องเที่ยวที่ สเปน-โมร็อกโก กับ 12 วันของการผจญภัยที่ทำให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิตและภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ที่คุณจะได้รับทั้งความตื่นเต้น ประสบการณ์ และความประทับใจมิรู้ลืม

สำหรับ onmoto.com เป็นบริษัททัวร์ในสเปนที่เชื่อถือได้ มาพร้อมกับไกด์คุณภาพที่มีประสบการณ์ ที่จะพาคุณขับไปยังเส้นทางที่กำหนดไว้ พร้อมดูแลท่านตลอดทั้งทริป

การพักแรม เราเน้นพักโรงแรมที่มีคุณภาพ เพื่อให้ท่านได้พักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการขับรถในแต่ละวัน และอีก 1 คืนในทะเลทรายภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่เหมือนหลุดออากมาจากนิทานอาหรับราตรี

เตรียมตัวให้พร้อมที่จะผจญภัยในสองประเทศนี้ กับประสบการณ์ขับรถที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน การผจญภัยครั้งนี้รอคุณอยู่! 🏍

ทัวร์ขับบิ๊กไบค์ 12 วันของ Big Bike Touring Co ทัวร์นี้จะพาท่านไปสำรวจและผจญภัยผ่านเส้นทางในประเทศ โมร็อกโก เป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลายและประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่ง จากเมืองที่คึกคัก ไปจนถึงเทือกเขาและหุบเขาที่เงียบสงบ เราขอรับรองว่าท่านจะได้รับความประทับใจจากทัวร์นี้ และไม่ผิดหวังที่เลือกเดินทางไปกับเราอย่างแน่นอน

ราคาสำหรับทัวร์

ยี่ห้อ/รุ่นรถ ห้องส่วนตัว (THB) ห้องรวม (เตียงคู่) (THB)
BMW R1300 GS 218,619 196,769
BMW R1250 GSA 218,619 196,769
BMW R1250 GS 212,699 190,849
BMW F850 GS 211,789 185,379
Honda African Twin 211,789 185,379
BMW F750 GS 203,589 181,739
Honda Transalp 203,589 181,739
Honda XADV 750 203,589 181,739

หมายเหตุสำคัญ:

  • วีซ่าสเปนและโมร็อกโก ท่านสามารถทำได้ด้วยตัวเอง หรือถ้าหากต้องการให้เราเดินเรื่องให้ คิดเพิ่มท่านละ ประมาณ 9,000 บาทต่อท่าน
  • ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ – สเปนเพิ่มจากราคาทัวร์ท่านละประมาณ 44,000 บาทต่อท่าน สามารถโหลดกระเป๋าได้ 30 โล
  • หากมีผู้โดยสารซ้อนท้ายไปด้วย คิดเพิ่ม 55,550 บาท ต่อท่าน รวมค่าโรงแรมและค่าอาหารแล้ว

โทรสอบถาม ภาษาไทย : 0659386734

ภาษาอังกฤษ : 0631715331

ด้วยสภาพภูมิอากาศแถบมหาสมุทรเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลทราย ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของโมร็อกโกมีอุณหภูมิค่อนข้างผันผวน พื้นที่โล่งในฤดูหนาว อากาศค่อนข้างหนาวและชื้น สามารถปกคลุมไปด้วยหิมะ และในขณะเดียวกันก็อาจมีอุณหภูมิร้อนได้มากถึง 30 องศาในช่วงเวลากลางวัน แถบพื้นที่ทะเลทรายในช่วงเวลากลางคืนของฤดูหนาว อุณหภูมิจะลดลงมากสุดต่ำกว่าศูนย์องศา จึงแนะนำให้ท่านนำสิ่งของทุกชนิดที่ครอบคลุมสภาพอากาศติดตัวไปด้วย

เสื้อผ้าที่แนะนำมากที่สุดคือเสื้อผ้ากันความร้อน และเสื้อกันหนาว ซึ่งจะช่วยปกป้องเราจากความหนาวเย็นในช่วงเวลากลางคืน และกันร้อนได้ในช่วงเวลากลางวัน แนะนำให้นำรองเท้าบูทสำหรับกันหนาวที่ภายในอุ่นหน่อย เพื่อที่ท่านจะได้ไม่เท้าเย็นตลอดทั้งทริป และรองเท้าเผื่อเปลี่ยนใส่ในระหว่างทริปด้วย

ในสเปนและโมร็อกโก ขับรถชิดทางด้านขวา ป้ายต่างๆ ความปลอดภัยทางถนนจึงแตกต่างกัน อาจพบเจอสัตว์บนท้องถนน เช่นเดียวกับจักรยาน รถจักรยานยนต์ รถยนต์ ดังนั้นเราขอแนะนำให้ท่านใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งในการขับขี่รถจักรยานยนต์และระมัดระวังตลอดเวลาในขณะที่ขับขี่ตามความเคลื่อนไหวของไกด์นำทัวร์ ทุกวันเราจะทำการบรีฟเส้นทางก่อนออกทุกครั้งว่าแต่ละวันเดินทางไปที่ไหนบ้าง ใช้ระยะเวลาในการเดินทางเท่าไหร่ และระยะทางกี่กิโล

ก่อนที่จะเดินทาง รถจักรยานยนต์ของท่านต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด จุดที่สำคัญอย่างมากคือยางรถ ที่ต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ต่อการใช้งาน

แม้ว่าเราจะให้ความช่วยเหลือในกรณีที่รถของท่านเสียในระหว่างทาง แต่หากท่านสามารถพกพาชุดซ่อมรอยรั่วและเครื่องมือต่างๆไปด้วยได้ จะเป็นผลดีต่อตัวท่านเองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเราแนะนำให้ทำการทบทวนสภาพของรถจักรยานยนต์ของท่าน เพื่อตรวจสอบว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เช่น

การตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง ความตึงและการหล่อลื่นของโซ่

ภาษาที่ใช้ส่วนใหญ่ในโมร็อกโกจะเป็นภาษาอาหรับและสเปน แต่ถ้าท่านเดินทางไปกับเราท่านไม่ต้องวิตกกังวลในเรื่องของภาษา เพราะเรามีไกด์นำทัวร์ที่รับรองโดย BMW ที่สามารถสื่อสารได้ทั้งภาษาไทย อังกฤษ และสเปน

Big Bike Touring Co.

Big Bike Touring Co ทัวร์ขับรถบิ๊กไบค์ในประเทศไทย ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสำรวจภูมิประเทศ สามารถเลือกเส้นทางและจุดหมายต่าง ๆ ทั้งขับเดี่ยวหรือไปด้วยกันเป็นกลุ่ม บริษัทมีอุปกรณ์ทั้งหมดที่จำเป็นในการขับขี่ จึงทำให้คุณสามารถมั่นใจในความปลอดภัย และเพลิดเพลินไปกับการขับขี่ตลอดเส้นทาง

ทัวร์ขับบิ๊กไบค์หนึ่งวัน จังหวัด เชียงใหม่ กับ Big Bike Touring Co เป็นทัวร์ที่ท่านจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ความงดงามของวัฒนธรรมในภาคเหนือของประเทศไทย ด้วยวิวที่งดงาม, อาหารอร่อย, และไกด์ที่มีความรู้, การผจญภัยครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด จองทัวร์ขับบิ๊กไบค์เส้นทางในประเทศไทยกับเราวันนี้ พร้อมประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในการขับเคลื่อนสองล้อสุดมันส์

 

Big Bike Touring เป็นพันธมิตรของ BMW Motorrad อย่างเป็นทางการในประเทศไทย, เราคือผู้ให้บริการทัวร์จักรยานยนต์ Big Bike Touring มีสำนักงานทั้งในพัทยาและเชียงใหม่

 

View More

HIGHLIGHTS

  • สัมผัสวัฒนธรรมที่งดงามของ โมร็อกโกและสเปน ค้นพบสถานที่ทางประวัติศาสตร์, ประเพณีท้องถิ่น, และความอบอุ่นจากคนในท้องที่
  • คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: ขับขี่ด้วยความมั่นใจ ภายใต้การนำทางของไกด์นำเที่ยวที่เชี่ยวชาญในการขับขี่ พร้อมทั้งค้นพบสถานที่ในฝัน
  • ที่พักหรูหรา: เนื่องจากเหนื่อยจากการขับรถในแต่ละวัน เราจึงเลือกโรงแรมที่มีคุณภาพเพื่อการพักผ่อน ไปจนถึงคืนใต้ท้องฟ้าที่มีดาวเปล่งประกายในทะเลทราย
  • เส้นทางทิวทัศน์: สัมผัสทิวทัศน์ตลอดเส้นทางการขับรถ พร้อมทั้งทัศนียภาพที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม
  • ประสบการณ์ Arabian Nights: ใช้ 1 คืนในทะเลทราย, ได้รับประสบการณ์พิเศษของชาวอาหรับ ภายใต้ท้องฟ้าที่มีดวงดาวตระการตา
  • ช่วงเวลาที่ลืมไม่ลง: ทุกการขับขี่ของการเดินทางนำมาซึ่งความคิดใหม่ ๆ ทำให้ทุกวันเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน และความประทับใจในทุกวันของการขับขี่
  • ผจญภัยรออยู่: นี่ไม่ใช่เพียงแค่ทัวร์ แต่มันคือการค้นพบ ความตื่นเต้นและหลุดไปอยู่ในวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวโมร็อกโก ที่คุณจะได้รับความประทับใจในการผจญภัยตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย🏍✨ #MoroccoSpainRide #AdventureAwaits

Itinerary

Expand All
วันที่ 1 : ออกเดินทางจากไทย - สเปน (มาลากา)
วันที่ 1 : ออกเดินทางจากไทย - สเปน (มาลากา)

ในวันแรกของการเดินทาง เราจะนัดเจอกันที่สนามบินในประเทศไทย เพื่อที่จะออกเดินทางจากไทย มาลงยัง มาลากา ประเทศสเปน หลังจากถึงสนามบินสเปน เราจะเดินทางออกจากสนามบินตรงไปยังโรงแรม เพื่อพักผ่อนก่อนที่เราจะออกเดินทางอีกครั้งในวันถัดไป


 

วันที่ 2 : มาลากา (สเปน) - ตารีฟา (สเปน) 278 กม.
วันที่ 2 : มาลากา (สเปน) - ตารีฟา (สเปน) 278 กม.













เริ่มต้นการเดินทางด้วยการขับรถไปยังแหลมตารีฟา เราจะได้เพลิดเพลินไปกับเส้นทางอันงดงาม ผ่านภูเขามาลากาและกาดิซ เพื่อตรงไปยังแหลมตารีฟา หรือปุนตาเดอตารีฟา


เนื่องจากตารีฟาห่างจากชายฝั่งโมร็อกโกเพียง 14 กิโลเมตรจึงทำให้เราสามารถมองเห็นชายฝั่งของประเทศโมร็อกโกได้จากจุดนี้ แหลมตารีฟายังเป็นเส้นแบ่งระหว่างน่านน้ำของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและมหาสมุทรแอตแลนติกซึ่งตัดกันตรงหน้าเมืองนั่นเอง และที่นี่ยังเป็นเมืองในยุโรปที่อยู่ใกล้กับทวีปแอฟริกามากที่สุด













วันที่ 3 : ลงเรือเฟอร์รี่ จากตารีฟา - แทนเจียร์ (โมร็อกโก) - เอลไลยน (โมร็อกโก) 186 กม.
วันที่ 3 : ลงเรือเฟอร์รี่ จากตารีฟา - แทนเจียร์ (โมร็อกโก) - เอลไลยน (โมร็อกโก) 186 กม.













เอลไลยุน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศโมร็อกโก โดยคนพื้นเมืองจะเรียกเมืองนี้ว่า เอลไลยุน ส่วนนักท่องเที่ยวจะเรียกตรงตัวตามภาษาอังกฤษคือ เชฟชาอูน


เป็นเมืองเก่าแก่ รวมระยะเวลาจนถึงปัจจุบันก็ราว ๆ 553 ปี


การสร้างบ้านเรือนของคนพื้นเมืองจะสร้างไล่ลดหลั่นกันไปตามความชันของหุบเขา โดยมีสไตล์การสร้างบ้านแบบเมดิเตอร์เรเนียน ฉาบทาผนังเป็นสีฟ้าสดใสไปทั่วทั้งเมือง มีสลับสีขาวและน้ำตาลบ้าง แต่ก็โดดเด่นที่สุดด้วยสีฟ้า โดยคนพื้นเมืองเชื่อกันว่าการทาสีฟ้านั้นจะเป็นสัญลักษณ์ที่ให้ระลึกถึงสวรรค์บนฟากฟ้า และนำทางให้ไปหาพระเจ้าของตัวเองนั่นเอง













วันที่ 4 : เอลไลยุน - เฟส (โมร็อกโก) 199 กม.
วันที่ 4 : เอลไลยุน - เฟส (โมร็อกโก) 199 กม.

เฟส เป็นเมืองหลวงเก่าแก่และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของโมร็อกโกปัจจุบันนี้เฟซได้ถูกบรรจุเป็นมรดกโลกในฐานะตลาดโบราณ ที่ยังคงมีการจับจ่ายใช้สอยอยู่ในปัจจุบัน ทุกตรอกซอกซอยของตลาดโบราณในเมืองเฟซมีโครงสร้างสลับซับซ้อนเหมือนเขาวงกตที่เต็มไปด้วยวิถีชีวิตที่ฉายซ้ำมานับพันปี สินค้าอาจเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่ที่นี่ก็ยังคงเป็นที่จับจ่ายใช้สอยของคนท้องถิ่น อาทิเช่น ร้านโชห่วย ร้านตัดผม


ร้านผ้า ตลาดสดที่มีผักผลไม้ราคาถูกมาก รวมไปถึงร้านขายของฝากสำหรับนักท่องเที่ยว


นอกจากนี้ตลาดโบราณเมืองเฟซยังมีไฮไลต์เป็นโรงฟอกหนังโบราณที่ยังคงกรรมวิธีการฟอกหนังแบบเดิมมานับพันปี หนังสัตว์ที่ฟอกที่นี่จะถูกแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย


 

วันที่ 5 : เฟส - เมอร์ซูกา (โมร็อกโก) 464 กม.
วันที่ 5 : เฟส - เมอร์ซูกา (โมร็อกโก) 464 กม.

เริ่มต้นวันนี้ด้วยการเดินทางไปยังเมืองเมอร์ซูกา เนื่องจากวันนี้ระยะทางในการขับรถค่อนข้างไกล เราจึงมีจุดแวะพักระหว่างทางที่เมือง อาชโร, มิเดลท์ และ เออร์ราชิเดีย โดยที่แต่ละเมืองจะมีมนต์สเน่ห์ ประวัติ และความงดงามต่างกัน


อาชโร เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมไปด้วยต้นซีดาร์ป่า และยังมีลิงแสมป่าที่เป็นจุดเด่นของเมืองนี้


มิเดลท์ มีตลาดที่เฟื่องฟูสำหรับงานฝีมือจากหิน ฟอสซิล และแร่ รวบรวมในที่เดียว


เออร์ราชิเดีย ภูมิศาสตร์เป็นหุบเขาและสวนปาล์ม ตั้งอยู่ในโอเอซิสของ โมร็อกโกทางตอนใต้ และยังเป็นแหล่งมรดกโลกสำคัญของโมร็อกโกอีกด้วย


 

วันที่ 6 : เมอร์ซกา ค้างคืนในทะเลทราย
วันที่ 6 : เมอร์ซกา ค้างคืนในทะเลทราย













สำหรับคืนนี้เราจะค้างคืนกันที่ทะเลทรายในเมอร์ซูก้า ซึ่งทะเลทรายแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของซาฮารา โดยเราสามารถมองเห็นทะเลทรายได้สุดลูกหูลูกตา สีของทะเลทรายจะเปลียนสีในช่วงวันไปตามแสงของพระอาทิตย์


ในช่างเย็นเราสามารถดื่มด่ำไปกับบรรยากาศภาพพระอาทิตย์ตกดิน ตกค่ำนั่งล้อมรอบกองไฟเพลินเพลินไปกับเสียงดนตรีพื้นบ้านของชาวพื้นเมืองโมร็อกโก ช่วงกลางดึกเรายังสามารถมองเห็นดาวเต็มท้องฟ้าตระการตาอีกด้วย


เริ่มต้นเช้าวันใหม่เรายังสามารถตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้น ภาพแสงตัดขอบฟ้าน่ามอง เป็นประสบการณ์ที่ควรได้สัมผัสสักครั้งนึงในชีวิต













วันที่ 7 : เมอร์ซูกา - ดาเดส (โมร็อกโก) - ออร์ซาเอท (โมร็อกโก) 453 กม.
วันที่ 7 : เมอร์ซูกา - ดาเดส (โมร็อกโก) - ออร์ซาเอท (โมร็อกโก) 453 กม.

เริ่มต้นวันด้วยการเดินทางไปยัง


 เทือกเขาดาเดส หรือหุบเขาดาเดส เป็นอีกสถานที่ที่ต้องมีอยู่ในแผนการเดินทาง


โมร็อกโก นอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวทางสภาปัตยกรรมที่งดงามแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจอย่าง หุบเขาดาเดส ซึ่งเป็นแนวเทือกเขาทางธรรมชาติที่สวยงาม มีรูปร่างหลากหลายแปลกตา และมีกำแพงหินสูงถึง 160 เมตร นอกจากเทือกเขาดาเดสแล้ว เรายังได้ชมวิวแม่น้ำดาเดสที่ตัดผ่านเทือกเขาอีกด้วย


ด้วยมนต์เสน่ห์ของที่แห่งนี้ จึงทำให้ดาเดส เป็นจุดมุ่งหมายของนักเดินทางที่รักในธรรมชาติ และผจญภัย นับว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความมหัศจรรย์ เละต้องมาให้ได้สักครั้งหนึ่งเมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวยังโมร็อกโก


 

วันที่ 8 : ออกเดินทางจากออร์ซาเอท ไปยัง ไอท์ เบน ฮาดดู และ มาราเคช 210 กม.
วันที่ 8 : ออกเดินทางจากออร์ซาเอท ไปยัง ไอท์ เบน ฮาดดู และ มาราเคช 210 กม.

ในช่วงเช้าของวันนี้เราจะเยี่ยมชม สถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ไอท์ เบน ฮาดดู เป็น “เมืองป้อมปราการ” หรือ คซาร์ ซึ่งจะเป็นกลุ่มอาคารที่สร้างด้วยโคลนดินแห้งสีแดง มีกำแพงล้อมรอบ ถูกสร้างให้เป็นเมืองป้อมปราการต่อเรียงรายกัน โดยชนเผ่านักรบที่ควบคุมเทือกเขาแอตลาส เป็นสถาปัตยกรรมขึ้นชื่อของโมร็อกโกและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530


ปัจจุบันยังมีผู้คนอาศัย เป็นชุมชนเงียบๆ ที่อยู่ในบ้านแบบ Kasbah แท้ๆ ทางเดินเชื่อมไปแต่ละบ้าน จะเป็นทางแคบๆ รถยนต์ไม่สามารถวิ่งได้ แม้ว่าอากาศข้างนอกจะร้อนมากถึง 42 องศา แต่ถ้าเดินเข้าไปในหมู่บ้านจะไม่รู้สึกถึงความร้อนเลย


หลังจากเยี่ยมชม ไอท์ เบน ฮาดดู แล้ว เราเดินทางกันต่อไปยัง มาราเคช เมืองอันคึกคักในโมร็อกโก ในเวลาพลบค่ำ จัตุรัส เจ็มมา เอล ฟีน่า จะเต็มไปด้วยผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งคนในพื้นที่และ นักท่องเที่ยว จะรวมอยู่กันที่จัตุรัสนี้จนถึงรุ่งเช้า


บรรยากาศ ณ จตุรัส เจ็มมา เอล ฟีน่า เริ่มครึกครื้นตอนช่วงเวลาประมาณ 5-6 โมงเย็น จะมีซุ้มอาหารตั้งเรียงติดๆ กันอยู่กลางจตุรัส กลิ่นอาหารอบอวล ฟุ้งทั่วทั้งตลาด ส่วนลานด้านหน้าของจตุรัส ก็จะมีการร้องรำทำเพลงเป็นวงๆ เล่นดนตรีกันอย่างสนุกสนาน จะเป็นอย่างงี้ไปตลอดจนถึงเวลาประมาณ 4-5 ทุ่มได้


รอบๆจตุรัส จะเป็น "ซุก" ซึ่งเหมือนกับตลาดนัดบ้านเรานั่นเอง ร้านค้าในตลาดก็จะตั้งขายของเป็นโซนๆ กันไป มีขายทั้งอาหารสด งานฝีมือ เสื้อผ้า สบู่ ชุดเครื่องชา และเครื่องประดับต่างๆ มากมาย ร้านค้าในซุก ส่วนใหญ่จะเปิดกัน 10 โมงเช้า และเริ่มทยอยปิดร้านกันหลังหนึ่งทุ่ม เราสามารถเดินชม ชิม ช็อป และเพลินเพลินไปกับบรรยากาศวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวโมร็อกโก


 

วันที่ 9 : มาราเดช - ราบัต เมืองหลวงของโมร็อกโก 337 กม.
วันที่ 9 : มาราเดช - ราบัต เมืองหลวงของโมร็อกโก 337 กม.













เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการออกเดินทางจาก มาราเคช ไปยังราบัต คุณจะตกหลุมรักเมืองหลวงของโมร็อกโคอย่างเมืองราบัต แน่นอน เมืองราบัตมีประวัติศาสตร์อันยาวนานย้อนไปตั้งแต่สมัยก่อนโรมัน ณ เวลาที่สนธิสัญญา Chellah ยังใช้อยู่ เมืองราบัตกลายมาเป็นเมืองหลวงของประเทศโมร็อคโค ตั้งแต่ปี 1912 และยังคงความยิ่งใหญ่ไว้เสมอ


ราบัตตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอดแลนติก เป็นแหล่งอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมผ้า มีร้านค้ามากมายที่จำหน่ายสินค้าในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นจิวเวอลี่, เครื่องหนัง, เครื่องเงิน, เสื้อผ้ามือสอง, กระเป๋าสไตล์ท้องถิ่น, ผ้าห่ม ฯลฯ


อาหารชั้นเลิศในราคาย่อมเยาสามารถพบได้มากมายที่เมืองราบัต ส่วนประกอบพื้นฐานจะเป็นเส้นพาสต้า และเนื้อสัตว์ ประเภทต่าง ๆ ห้ามพลาดที่จะลอง เคบับแบบพื้นเมือง ที่ทานคู่กับซอสเผ็ด กับซุปพื้นเมืองอย่าง Harira













วันที่ 10 : ราบัต - แทนเจียร์ (โมร็อกโก) - อัลเจชิราส (สเปน) 291 กม.
วันที่ 10 : ราบัต - แทนเจียร์ (โมร็อกโก) - อัลเจชิราส (สเปน) 291 กม.













เมืองสุดท้ายที่เราจะแวะพักก่อนที่จะเดินทางกลับไปยังสเปน ตั้งอยู่ระหว่างทางไปยังท่าเรือ


อซิลาห์ เป็นป้อมปราการทางปลายตะวันตกเฉียงเหนือของชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของประเทศโมร็อกโก เป็นอีกเมืองที่มีเสน่ห์เป็นอย่างมาก ด้วยบ้านเกือบทั้งหมดเป็นสีขาว แต่หลายหลังเพิ่มสีสันด้วยเส้นขอบ ประตู และหน้าต่างเป็นสีครามหรือสีเขียว อาคารต่างๆ ยังตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เนื่องจาก อซิลาห์ เป็นเมืองชายฝั่งทะเล ทำให้เราเพลินเพลินไปกับบบรรยยากาศเดินชมเมืองเป็นอย่างมาก


 













วันที่ 11 : อัลเจชิราส - มาลากา (สเปน) 234 กม.
วันที่ 11 : อัลเจชิราส - มาลากา (สเปน) 234 กม.













วันสุดท้ายของการเดินทาง เราออกจากอัลเจซิราสไปยัง รอนดา เมืองเล็ก ๆ ในจังหวัดมาลากา แคว้นอันดาลูเซีย ทางตอนใต้ของประเทศสเปน คือหนึ่งในสถานที่ที่ซ่อนเสน่ห์และเอกลักษณ์เอาไว้ ทั้งความงดงามของธรรมชาติและกลิ่นอายวัฒนธรรมโบราณที่หลอมรวมกัน จนกลายเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในสเปน


ตัวเมืองตั้งอยู่ริมผา สูง 750 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล


รอนดายังเป็นที่ตั้งของ สนามแข่งวัวกระทิงที่เก่าแก่ที่สุดในสเปน รวมไปถึงวังเก่าที่ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะเรอเนสซองส์ และอีกมากมาย อีกสิ่งที่สำคัญคือ อุทยานแห่งชาติเซียร์รา เด ลาส เนียบาส เขาหินสูงตระหง่านเต็มไปด้วยถ้ำ และพืชพรรณดอกไม้นานาพันธุ์แห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน


หลังจากชมเมืองรอนด้า เราจะมุ่งตรงกลับไปยังโรงแรมพักคืนสุดท้าย


                     ก่อนที่เราจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันถัดไป


 













วันที่ 12 : ออกเดินทางจากสเปน – ไทย
วันที่ 12 : ออกเดินทางจากสเปน – ไทย

ในวันนี้ เราจะรวมตัวกันที่โรมแรม เพื่อที่จะออกเดินทางตรงไปยังสนามบิน ของประเทศสเปน และบินกลับมายังประเทศไทย หลังจากถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ เราจะแยกย้ายกันที่สนามบินเพื่อเดินทางกลับบ้านพักผ่อน

Included/Excluded

  • สิ่งที่รวมในทริป
  • - ไกด์ BMW ITA (สื่อสารสเปนและอังกฤษ)
  • - ไกด์ รับรองโดย TAT (สื่อสารไทยและอังกฤษ)
  • - ไกด์ขับปิดท้ายขบวน 1 ท่านเพื่อดูแลท้ายขบวนไม่ให้หลง
  • - รถบรรทุกท้ายขบวนขนของใช้ส่วนตัว และบิ๊กไบค์ 1 คัน
  • เพื่อเปลียนในกรณีที่รถที่ขับอยู่เดิมมีปัญหา
  • - ตั๋วเรือเฟอร์รี่ไปกลับ ตารีฟา - แทนเจียร์ - ตารีฟา
  • - รวมราคามอเตอร์ไซค์ที่ท่านขับ และรวมน้ำมัน 10 วัน
  • - กลุ่มเล็ก สูงสุดไม่เกิน 15 คัน
  • - การประกันภัยสำหรับรถจักรยานยนต์ ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
  • - รวมโรงแรมที่พัก 9 คืนในทริปขับรถ
  • - รวมค่าที่พัก 2 คืน (วันแรกและวันสุดท้ายที่มาลิกา สเปน)
  • - รวมอาหารเช้า กลางวัน และเย็น สำหรับ 9 วัน
  • - น้ำอัดลมบริการตามจุดแวะพัก
  • - บริการรับ-ส่งที่สนามบิน ในสเปน
  • - ไกด์บรรยายของแหล่งท่องเที่ยว เฟส และ ไอท์ เบน ฮาดดู
  • - สมุดข้อมูลเส้นทางระหว่างทริป ภาพถ่ายระหว่างทริป
  • - ฟรีเสื้อ 2 ตัว, สายคล้องกุญแจ และหมวกแก๊ป
  • สิ่งที่ไม่รวม
  • - บริการเสริมที่ไม่รวมอยู่ในลิส ลูกค้าต้องต้องเป็นคน
  • ชำระเอง
  • - ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ ลูกค้าต้องรับผิดชอบเอง
  • - บริการเสริมของโรงแรมที่ต้องชำระเงินเพิ่ม เช่น สปา
  • นวด มินิบาร์
  • - เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • - วีซ่าและตั๋วเตรื่องบินท่านสามารถดำเนินการด้วยตัวเอง
  • หรือสามารถให้เราดำเนินการให้
  • - ชุด และอุปการณ์แต่งตัวในการขับรถเช่น หมวกกันน็อค รองเท้าบูท ถุงมือ เกราะป้องกันต่างๆ ลูกค้าต้องเป็นคนนำมาเอง หรือหากท่านไม่มีสามารถยืมได้ที่ร้านของเราในพัทยาโดยที่ท่านต้องเป็นคนมารับเองที่ร้านและต้องเอามาคืนที่ร้านด้วยตัวเองเรามีให้ยืมทุกอย่างยกเว้นรองเท้าบูท

Durations

12 Days

FAQs

Do I have health insurance while on tour?

Our motorcycles are fully covered by third party insurance, however we strongly recommend that you have your own health insurance in place before you arrive in Thailand. Make sure it covers you for Motorbike riding activities.

Do I need an International driving license?

Yes, you must have obtained your own country’s International driving license before your tour begins.

Do I have my own room or do I have to share?

You do not have to share, every rider has their own private room.

Can I bring my partner on tour?

Yes, of course, obviously there will be additional fees.

What happens if my bike breaks down on tour?

Our following support/recovery truck carries a spare bike so you will be swiftly back on the road.

How much luggage shall I bring?

When touring it is always best to travel as light as possible, we have 40 litre waterproof bags which stay on our support truck on extensive tours. All bikes have side panniers for additional storage.

When should we arrive before the tour begins?

If you’re flying from overseas, we suggest you arrive a few days before the tour to help you shake off any ill effects of jet lag.

What kind of food should we expect on the tour?

They serve breakfast at the hotel and this normally comprises several options. Lunch is a light roadside lunch, for dinner options we always endeavor to find a restaurant that offers both Thai and International cuisine.

When riding, do you have to follow the tour guide?

Yes, this is mandatory on our tours, for safety and time keeping. We operate a lead and last policy, each rider will take turns to be the ‘sweeper’ bike at the rear of the pack and notify the lead guide bike of any problems/issues.

Reviews

0/5
Not Rated
Based on 0 review
Excellent
0
Very Good
0
Average
0
Poor
0
Terrible
0
Showing 1 - 0 of 0 in total

Write a review

from ฿196,769
Extras
  • Pillion Rider(฿55,500)
  • Bike upgrade - BMW R1300 GS or BMW R1250 GSA or BMW R1250 GS(฿15,000)
  • Bike Upgrade - BMW F850 GS or Honda African Twin(฿8,200)

You might also like